เมื่อเวลาของยุคสมัยนับวันมีแต่เดินไปข้างหน้า ไม่มีการเดินถอยหลัง เรื่องเทคโนโลยีก็เช่นกัน จากที่ไม่มี ก็เริ่มมี มีมากขึ้น และขาดไม่ได้แล้วในปัจจุบัน แล้วถ้าหากมองในมุมของธุรกิจที่ทำการตลาดผ่านสื่อออฟไลน์เพียงอย่างเดียว ไม่เดินตามเทคโนโลยีที่โลกมี อาจไม่เพียงพอต่อการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ และยอดขายเท่าที่ควร
การตลาดออนไลน์จึงเป็นกุญแจสำคัญในยุคนี้ ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นให้โลกของธุรกิจ โดยที่ช่องทางออฟไลน์ก็ยังคงมีบทบาทอยู่ไม่หายไปไหน เพียงแต่ทำคนละหน้าที่กัน แต่จะเรียงร้อยต่อกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจให้ดีมากยิ่งขึ้น เราเรียกสิ่งนี้ว่า กลยุทธ์การตลาดแบบ O2O Marketing
การตลาด O2O Marketing คืออะไร ?
คือ กลยุทธ์การตลาดที่เชื่อมโลก 2 ใบเข้าด้วยกัน ระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ (Online to Offline Marketing) โดยช่องทางออนไลน์จะใช้ในการดึงดูดความสนใจ และสร้างการรับรู้ให้แบรนด์ จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของช่องทางออฟไลน์ ในการพาผู้บริโภคไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ เพื่อผลักดันยอดขาย
ตัวอย่างธุรกิจ O2O Marketing
- ธุรกิจที่ใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมทสินค้าและบริการ และดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาที่หน้าร้านจริง โดยใช้วิธีแชร์ภาพสินค้า รีวิวจากลูกค้า เช่น งานอีเวนต์ งานมหกรรมต่าง ๆ
- การใช้คิวอาร์โค้ด (QR Code) เพื่อเชื่อมโยงลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ไปยังหน้าร้านจริง โดยลูกค้าจะสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าและบริการ หรือรับส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อสินค้าที่หน้าร้านเท่านั้น
- การใช้แอปพลิเคชันมือถือเพื่อให้ลูกค้าสั่งซื้อกาแฟและอาหารล่วงหน้า จากนั้นไปรับสินค้าได้ที่ร้านค้าปลีกโดยไม่ต้องต่อคิว
ข้อดีของการตลาด O2O Marketing
1. เพิ่มการรับรู้ในแบรนด์
เมื่อลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ จะช่วยเพิ่มการรับรู้สร้างความทรงจำให้แบรนด์ในทิศทางที่ดีและแข็งแกร่ง
2. เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า
สร้างประสบการณ์ที่ดีโดยตรงให้กับลูกค้า เช่น การพูดคุยโต้ตอบ การให้ทดลองสินค้าและบริการ หรือการจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองสินค้าและบริการก่อนตัดสินใจซื้อ
3. เพิ่มยอดขาย
ช่วยดึงดูดลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ให้เข้ามาซื้อสินค้าและบริการที่หน้าร้าน และในทางกลับกัน ก็จะช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วย เพราะได้เห็นและทดลองสินค้าและบริการแล้ว จึงเกิดความเชื่อมั่นในธุรกิจ
4.สร้างความภักดีในแบรนด์
การให้ส่วนลด มีระบบสะสมแต้ม หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้กับลูกค้าออนไลน์และออฟไลน์ จะทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีในแบรนด์ กลับมาซื้อซ้ำในครั้ง ต่อ ๆ ไป
ข้อเสียของการตลาด O2O Marketing
1. ใช้ต้นทุนที่สูง
เนื่องจากต้องมีการลงทุนในเทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และระบบต่าง ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการโฆษณาออนไลน์ รวมถึงการจ้างพนักงานหน้าร้าน
2. มีความซับซ้อน
เพราะต้องเชื่อม 2 ช่องทางเข้าด้วยกัน อาจจะเป็นเรื่องยากในการทำธุรกิจ และควบคุมยาก หากไม่ชำนาญในด้านเทคโนโลยี
3. การวัดผลที่ยาก
การวัดผลประสิทธิภาพของ O2O Marketing อาจเป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากต้องติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ถึงแม้การตลาดแบบ O2O Marketing จะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ก็ยังเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี และต้องการผลักดันยอดขายให้มากขึ้น ฉะนั้นสิ่งต้องทำหากจะเลือกใช้กลยุทธ์นี้ คือการวางแผนอย่างรอบคอบ จัดสรรต้นทุนให้มีความสมดุลทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ก็จะให้ธุรกิจราบรื่นต่อไปได้ในอนาคต
Leave a Reply