Category: Digital Marketing
-
KOL vs INFLUENCER เจาะลึกความแตกต่างของผู้ทรงอิทธิพล
KOL และ Influencer ต่างเป็นบทบาทที่มีความสำคัญในการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม บนโลกออนไลน์ในปัจจุบันต่างเต็มไปด้วยผู้ทรงอิทธิพลหลากหลายประเภท ซึ่งสองคำจำกัดความนี้มักถูกเรียกอย่างวงกว้าง และเป็นปกติที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจผิดว่า KOL และ Influencer มีความหมายไม่เหมือนกัน และคนละวัตถุประสงค์หากแบรนด์จะเลือกใช้ บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกความแตกต่างระหว่าง KOL และ Influencer พร้อมตารางเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถเลือกผู้ทรงอิทธิพลที่เหมาะสมกับแคมเปญได้มากที่สุด KOL คือใคร ? KOL ย่อมาจาก Key Opinion Leader หมายถึง บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในสาขา หรือแวดวงเฉพาะ มักมีฐานผู้ติดตามที่เหนียวแน่นและให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีคุณภาพ ข้อมูลเชิงลึก และความคิดเห็นของ KOL ตัวอย่าง KOL แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง นักวิเคราะห์การเงิน กูรูด้านการตลาด นักเขียนชื่อดัง Influencer คือใคร ? Influencer หมายถึง บุคคลที่มีผู้ติดตามจำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย สามารถสร้างแรงดึงดูด แรงกระเพื่อมและสามารถโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมายให้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้ ตัวอย่าง Influencer เน็ตไอดอล ยูทูปเบอร์…
-
เขียน Headline ยังไง ? ให้ดึงดูดสายตา กระตุ้นความอยากรู้ จูงใจให้คลิก !
การเขียน Headline ที่ดีไม่เพียงแต่จะดึงดูดสายตาเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้สงสัย และจูงใจให้ผู้อ่านได้คลิกอ่านเนื้อหาต่อ จึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าใจในเนื้อหาที่จะเล่า รวมถึงรู้ความต้องการ และจิตวิทยาของผู้อ่าน หากใครยังจับจุดไม่ได้ว่าต้องเขียน Headline ยังไงให้มีประสิทธิภาพ ลองทำตามวิธีนี้ เผื่อจะเป็นไอเดียในการใช้ภาษาที่โด่นเด่นขึ้นกว่าเดิมครับ 7 แนวทางเขียน Headline ให้น่าคลิก ! 1. ใช้ตัวเลขสร้างความน่าสนใจ การใช้ตัวเลขใน Headline จะทำให้ผู้อ่านรู้ถึงความชัดเจน และคาดหวังข้อมูลที่พวกเขาจะได้รับ เช่น 10 เคล็ดลับการลงทุนที่คุณต้องรู้ ! 5 วิธีง่าย ๆ ในการสร้างรายได้เสริม 10 เทคนิคการตลาดดิจิทัลที่คุณต้องรู้ในปี 2024 2. ตั้งคำถามกระตุ้นความอยากรู้ การตั้งคำถามใน Headline เป็นวิธีที่ดีในการทำให้ผู้อ่านเกิดความสงสัยและต้องการหาคำตอบ เช่น อยากรู้ไหมว่าการลงทุนแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด ? ทำไมการตลาดดิจิทัลถึงสำคัญในยุคนี้ ? คุณพร้อมหรือยังกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในธุรกิจของคุณ ? 3. ใช้คำที่ให้ความรู้สึกเร่งด่วน อย่างคำว่า ตอนนี้, ทันที หรือด่วน จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าต้องรีบคลิกเพื่อไม่พลาดโอกาสการได้รับข้อมูลที่สำคัญ…
-
กลยุทธ์ O2O Marketing การตลาดที่เชื่อมโลก (Online และ Offline ) เข้าด้วยกัน
เมื่อเวลาของยุคสมัยนับวันมีแต่เดินไปข้างหน้า ไม่มีการเดินถอยหลัง เรื่องเทคโนโลยีก็เช่นกัน จากที่ไม่มี ก็เริ่มมี มีมากขึ้น และขาดไม่ได้แล้วในปัจจุบัน แล้วถ้าหากมองในมุมของธุรกิจที่ทำการตลาดผ่านสื่อออฟไลน์เพียงอย่างเดียว ไม่เดินตามเทคโนโลยีที่โลกมี อาจไม่เพียงพอต่อการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ และยอดขายเท่าที่ควร การตลาดออนไลน์จึงเป็นกุญแจสำคัญในยุคนี้ ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นให้โลกของธุรกิจ โดยที่ช่องทางออฟไลน์ก็ยังคงมีบทบาทอยู่ไม่หายไปไหน เพียงแต่ทำคนละหน้าที่กัน แต่จะเรียงร้อยต่อกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจให้ดีมากยิ่งขึ้น เราเรียกสิ่งนี้ว่า กลยุทธ์การตลาดแบบ O2O Marketing การตลาด O2O Marketing คืออะไร ? คือ กลยุทธ์การตลาดที่เชื่อมโลก 2 ใบเข้าด้วยกัน ระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ (Online to Offline Marketing) โดยช่องทางออนไลน์จะใช้ในการดึงดูดความสนใจ และสร้างการรับรู้ให้แบรนด์ จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของช่องทางออฟไลน์ ในการพาผู้บริโภคไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ เพื่อผลักดันยอดขาย ตัวอย่างธุรกิจ O2O Marketing ธุรกิจที่ใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมทสินค้าและบริการ และดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาที่หน้าร้านจริง โดยใช้วิธีแชร์ภาพสินค้า รีวิวจากลูกค้า เช่น งานอีเวนต์ งานมหกรรมต่าง ๆ การใช้คิวอาร์โค้ด (QR Code) เพื่อเชื่อมโยงลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ไปยังหน้าร้านจริง โดยลูกค้าจะสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าและบริการ…
-
5 เทคนิคใช้ Google Trends เพื่อการทำคอนเทนต์ แบบตรงใจคน รู้ไว้ไม่มีเอาต์!
เรากำลังอยู่ในโลกที่ท่วมท้นไปด้วยข้อมูล กิจกรรมทุกก้าวย่างบนโลกออนไลน์กลายเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างที่ไม่เคยไม่เคยมีมาก่อน แม้แต่การทำคอนเทนต์ ที่แต่เดิมถูกมองว่าเป็นงานสร้างสรรค์ล้วน ๆ ก็ได้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมากเหล่านี้เช่นกัน สำหรับแบรนด์ที่อยากอัปเกรดการทำคอนเทนต์ของตัวเองด้วยการใช้ข้อมูล Google Trends จัดว่าเป็นเครื่องมือเบื้องต้นที่ช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนงานคอนเทนต์ให้มีความ data-driven มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากต้องการวางแผนการปล่อยคอนเทนต์ในช่วงปลายปี ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เราก็จะต้องอาศัยการสังเกตหรือคาดการณ์ว่ามีเรื่องอะไรที่คนจะสนใจในช่วงเวลานั้น แต่ด้วย Google Trends เราสามารถเข้าถึง “ข้อมูลจริง ๆ” ที่บอกได้ว่าในช่วงปลายปีก่อน ๆ คนสนใจเรื่องอะไรบ้าง นี่คือหนึ่งตัวอย่างที่เครื่องมือชิ้นนี้ช่วยสร้างความได้เปรียบในการทำงานด้านคอนเทนต์ได้ คงเห็นกันแล้วว่าข้อมูลมีประโยชน์ไม่น้อยในงานนี้ คำถามก็คือเราจะหยิบเอาข้อมูลเข้ามาใช้ได้อย่างไร บทความนี้จะพาทุกท่านไปพบกับการนำศาสตร์แห่งข้อมูลไปใช้ในศิลปะแห่งการสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้วยเครื่องมืออย่าง Google Trends ถึงตรงนี้แล้วอย่างรอช้า เรามาเริ่มกันเลย! รู้จัก Google Trends Google Trends คือเครื่องมือรวบรวมว่าคีย์เวิร์ด (หรือคำ) แต่ละคำที่คนเสิร์ชหาผ่าน Google มีปริมาณมากน้อยแค่ไหน โดยเราสามารถตรวจสอบลึกลงไปได้อีกว่าแต่ละคีย์เวิร์ดมีปริมาณการเสิร์ชหามากน้อยแค่ไหนในแต่ละเวลา (เช่น เจาะจงช่วงปลายปี หรือดูเป็นรายวัน) แต่ละจังหวัด หรือแต่ละประเทศ ซึ่งข้อมูลตรงนี้มีประโยชน์อย่างมากในการวางแผนการทำคอนเทนต์ คีย์เวิร์ด ‘กองทุนลดหย่อนภาษี’ ได้รับความสนใจมหาศาลในช่วงปลายปี 2022…
-
Performance Marketing ต่างจาก Traditional Marketing อย่างไร? รู้จักการตลาดแบบใหม่ ที่ช่วยให้แบรนด์ คุยกับคนได้ตรงใจ
ในยุคที่ทุกก้าวย่างบนโลกออนไลน์ได้ทิ้งรอยเท้าดิจิทัลจำนวนมากเอาไว้ ทำให้ธุรกิจสามารถรับรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค ข้อมูลจึงกลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าดุจน้ำมันในโลกยุคใหม่ ดั่งคำกล่าวที่ว่า Data is the new oil และในมุมของการทำธุรกิจแล้ว การตลาดที่สามารถหยิบจับ Metrics ต่าง ๆ เพื่อนำมาตรวจวัดความสำเร็จของแคมเปญก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เราเรียกสิ่งนี้ว่า Performance Marketing หรือ การตลาดแบบวัดผลได้ คำถามคือ Performance Marketing ต่างจาก Traditional Marketing ที่เราคุ้นเคยกันอย่างไร แล้วการตลาดแบบใหม่มีข้อดีอย่างไรบ้าง ทำไมธุรกิจในโลกยุคใหม่จึงต้องสนใจเรื่องนี้ เราลองมาดูกัน Performance Marketing กับ Traditional Marketing ต่างกันอย่างไร? เพื่อเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Performance Marketing หรือการตลาดแบบวัดผลได้ กับ Traditional Marketing หรือการตลาดแบบดั้งเดิม เราขอตั้งต้นจากตัวอย่างของการตลาดแบบดั้งเดิมที่พบเห็นกันจนชินตากันก่อน Traditional Marketing ประกอบด้วยการตลาดที่ไม่ได้อยู่บนโลกออนไลน์ เช่น โฆษณาตาม BTS โฆษณาโทรทัศน์ ใบปลิว บูธจัดแสดงสินค้า ข้อดีของ…
-
คอนเทนต์ออนไลน์ไม่ง่าย! แต่ ChatGPT ช่วยแบรนด์ในเรื่องนี้ได้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ธุรกิจกำลังอยู่ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน งานบางขอบเขตที่ใครต่างก็คิดว่า AI ไม่น่าจะมาทำแทนได้ เช่น งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ก็กลับมี AI มากมายมาช่วยทำงานตรงนี้ได้ เช่น ใช้ ChatGPT เขียนบทความ เป็นต้น หนึ่งในงานที่ AI สามารถเข้ามาช่วยได้ในหลากหลายแง่มุม คือ การสร้างสรรค์เนื้อหา (Content Creation) และธุรกิจเองก็สามารถใช้ ChatGPT เข้ามาช่วยในการทำคอนเทนต์ออนไลน์ได้หลากหลายแง่มุม เช่น ช่วยวางแผน ช่วยสืบค้นข้อมูล รวมถึงร่างไอเดียเบื้องต้น ในปัจจุบัน ChatGPT สามารถรับคำสั่งภาษาไทยได้ค่อนข้างดี แต่อาจจะยังมีข้อจำกัดในการให้คำตอบเป็นภาษาไทยอย่างเป็นธรรมชาติ จึงสำคัญมากที่ผู้ใช้จะต้องทำงานร่วมกันไปตลอดทาง (Co-pilot) ลองมาดูกันว่า เราจะใช้ ChatGPT เขียนบทความ และยกระดับการสร้างคอนเทนต์ออนไลน์ในด้านอื่นได้อย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้ตกขบวนของการสร้างคอนเทนต์ยุคใหม่ที่หยิบยก AI เข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย ขั้นตอนการใช้ ChatGPT เขียนบทความ และช่วยทำคอนเทนต์ 1. เริ่มระบุบริบทของงานให้ชัดเจน เรื่องสำคัญที่สุดของการใช้ ChatGPT เข้ามาช่วยเหลือในการทำคอนเทนต์ออนไลน์คือการระบุบริบทให้ชัดเจน เช่น ผู้สร้างเนื้อหา…
-
Performance Marketing 101: เรื่องต้องรู้ ของการตลาดแบบวัดผลได้
Performance Marketing คืออะไร? ทั่วไปแล้ว Marketing หมายถึงการสื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการไปยังตลาด (ลูกค้า) แต่ในยุคปัจจุบันการตลาดแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะนอกจากจะสื่อสารออกไปแล้ว เรายังต้องวัดผลลัพธ์ของการทำการตลาดนั้นได้อีกด้วย และ Performance Marketing ก็จะช่วยเราในเรื่องนี้ Performance Marketing คือ การตลาดแบบวัดผลได้ ทุกการดำเนินงานต้องสามารถถูกวัดผลออกมาเป็นตัวเลขที่ชัดเจน (Metric) เป็นการทำการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยการจ่ายเงินเพื่อผลลัพธ์ เช่น การสร้างลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย (Lead Generation) หรือยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน (App Download) เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ลองเปรียบเทียบความต่างระหว่าง Digital Marketing กับ Performance Marketing Digital Marketing หมายถึงการทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น เว็บไซต์ หรือ โซเชียลมีเดีย เป็นการพูดถึงช่องทางการสื่อสารเป็นหลัก Performance Marketing จะมองไปที่การทำแคมเปญให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด โฟกัสว่าสิ่งที่ Input เข้าไปให้ Output อะไรออกมาบ้าง พูดง่าย ๆ คือพูดถึงกระบวนการทำงานเป็นหลัก โดยถือเป็นหนึ่งในสาขาย่อยของ…
-
10 กลยุทธ์การใช้ช่องทางการตลาด (Digital Marketing) ให้ปัง
ในยุคบัจจุบันที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนอีกรอบ คงนับเป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่หลายธุรกิจต้องปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภค อีกทั้งยังต้องหมุนตามเทรนด์โลกยุคนี้ให้ทันอีกด้วย เลยปฏิเสธไม่ได้ว่าการตลาดดิจิทัลเป็นตัวช่วยกำลังหลักที่สำคัญมาก ๆ ในการทำธุรกิจในยุคนี้ เพื่อสร้างความสำเร็จในเรื่องของยอดขาย ภาพลักษณ์ และการเติบโตของธุรกิจ Digital Marketing คืออะไร ? Digital Marketing คือกลยุทธ์และกิจกรรมทางการตลาดที่ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย ในการเชื่อมต่อเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความรู้สึกอันดี นำไปสู่การสร้างยอดขายสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ธุรกิจมี โดยขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่เลือกใช้ เพื่อผลลัพธ์ต่าง ๆ ที่ต้องการ ซึ่งในบทความนี้ จะพาไปดูถึงวิธีการทั้ง 10 กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในธุรกิจ 10 กลยุทธการใช้ช่องทางการตลาด (Digital Marketing) ให้ปัง 1. Search Engine Optimization (SEO) เป็นกลยุทธ์การโฆษณาผ่าน Search Engine ตัวอย่างเครื่องมือ เช่น Google…